2007年10月14日日曜日
พลเรือเอก หลวงสินธุสงครามชัย นามเดิม สินธุ์ กมลนาวิน อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ หนึ่งในสมาชิกคณะราษฎร และเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติฝ่ายทหาร สายทหารเรือ ในเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475
หลวงสินธุสงครามชัย รักษาราชการตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ ระหว่าง พ.ศ. 2477-2478 และดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ ระหว่าง พ.ศ. 2481-2494 เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมการ (พ.ศ. 2478-2484), กระทรวงเศรษฐกิจ (พ.ศ. 2485), กระทรวงเกษตราธิการ (พ.ศ. 2485-2488) และกระทรวงกลาโหม (พ.ศ. 2487-2488)
ภายหลังเหตุการณ์กบฏแมนฮัตตัน หลวงสินธุสงครามชัย เป็นผู้บัญชาการทหารเรือในขณะนั้น ถูกปลดออกจากตำแหน่ง เนื่องจากคณะรัฐบาลโดย จอมพลป. พิบูลสงคราม เคลือบแคลงว่าอาจจะมีส่วนร่วมหรือรู้เห็นในการก่อกบฏ ซึ่งหลวงสินธุสงครามชัยได้รับโทษจำคุกเป็นเวลานานถึง 3 ปี
2007年10月13日土曜日
2007年10月12日金曜日
ที่หมายตา หรือ แลนด์มาร์ก (landmark) คือ ชื่อเรียกสิ่งของที่ใช้ในการจดจำ ซึ่งอาจจะเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น สิ่งก่อสร้าง โครงสร้าง อนุสาวรีย์ หรือ สิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น ภูเขา โดยมักจะเป็นจุดที่น่าสนใจ และเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว สำหรับชื่อเรียกของ "แลนด์มาร์ก" ยังมีการเรียกได้อีกหลายชื่อ ได้แก่ ภูมิลักษณ์ จุดหมายตา หรือ ที่หมายเด่น
แลนด์มาร์กที่เป็นที่รู้จัก ได้แก่
ทัชมาฮาล (อินเดีย)
หอไอเฟล (ฝรั่งเศส)
บิกเบน (อังกฤษ)
ภูเขาฟูจิ (ญี่ปุ่น)
ซีเอ็นทาวเวอร์ (แคนาดา)
พระปรางค์วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร (ไทย)
อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ไทย)
อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย (ไทย)
โคลิเซียม (อิตาลี)
กำแพงเมืองจีน (จีน)
สะพานโกลเดนเกต (สหรัฐอเมริกา)
เทพีเสรีภาพ (สหรัฐอเมริกา)
2007年10月11日木曜日
นิกายมหาสังฆิกะเป็นนิกายใหญ่ที่แยกออกมาจากคณะสงฆ์ดั้งเดิมหรือฝ่ายเถรวาทเมื่อครั้งสังคายนาครั้งที่ 2 โดยแยกตัวออกไปทำสังคายนาต่างหาก ในระยะแรกนิกายนี้ไม่ได้รุ่งเรืองมาก เนื่องจากมีความขัดแย้งกับฝ่ายเถรวาทอย่างรุนแรง ต่อมาจึงมีอิทธิพลที่เมืองปาฏลีบุตร เวสาลี แคว้นมคธ ไปจนถึงอินเดียใต้ มีนิกายที่แยกออกไป 5 นิกาย คือ นิกายโคกุลิกวาท นิกายเอกัพโยหาริกวาท นิกายปัญญตติกวาท นิกายพหุสสุติกวาท และนิกายเจติยวาท และถือเป็นต้นกำเนิดของมหายาน
พระอรหันต์
นิกายนี้ถือว่าธรรมชาติของจิตเดิมแท้ผ่องใสแต่มัวหมองเพราะกิเลสจรมา ซึ่งใกล้เคียงกับแนวคิดของปรัชญาจิตนิยมของนิกายโยคาจารที่เกิดขึ้นภายหลัง ปฏิเสธอันตรภพ ถือว่าพระโสดาบันอาจเสื่อมจากโสดาปัตติผลได้ เป็นต้น
2007年10月10日水曜日
บทความนี้ใช้ชื่อที่ใช้อักษรในภาษาอื่น เนื่องจากต้องการคงไว้ตามต้นฉบับ หรือไม่มีชื่อภาษาไทยที่เหมาะสม
เพลงพระราชนิพนธ์ชุด Kinari Suite หรือ กินรี เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ชุดที่ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ. ๒๕๐๒ เพื่อประกอบการแสดงระบำบัลเล่ต์ ชุด มโนห์รา ทรงแยกและเรียบเรียงเสียงประสานด้วยพระองค์เองทั้งชุด โปรดเกล้าฯ ให้วงดุริยางค์ราชนาวีบรรเลงประกอบการแสดงบัลเล่ต์ชุดมโนห์รา ณ เวทีลีลาศสวนอัมพร
เพลงพระราชนิพนธ์ชุดนี้ประกอบด้วย
A Love Story เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ ๓๐
2007年10月9日火曜日
ล้อแม็ก (mag wheel) หรือ ล้ออัลลอย ชื่อเต็มคือ ล้อแม็กนีเซียมอัลลอย (magnesium alloy wheel) ในไทยนิยมเรียกว่า ล้อแม็กซ์ (max wheel) เป็นลักษณะล้อสำหรับรถยนต์ทำจากอัลลอยวัสดุผสมจากแม็กนีเซียม ซึ่งมีลักษณะเด่นแตกต่างจากล้อรถยนต์เหล็กทั่วไปที่มีน้ำหนักที่เบากว่า รวมถึงการนำความร้อนที่ดีกว่าซึ่งทำให้ลดปัญหาการเบรกไม่อยู่ได้ส่วนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังมีความสวยงามของตัวล้อที่แตกต่างจากล้อทั่วไป
ล้อแม็กผลิตจากการหลอมในขั้นตอนเดียวของอัลลอยของแม็กนีเซียม ZK60 และ MA-14
ล้ออัลลอยที่ผลิตจากอลูมิเนียม บางครั้งก็ถูกเรียกรวมว่า "ล้อแม็ก" ถึงแม้ว่าไม่ได้มีแม็กนีเซียมเป็นส่วนผสมก็ตาม
2007年10月6日土曜日
เพลงพระราชนิพนธ์ ในดวงใจนิรันดร์ เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ ๓๗ ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ. ๒๕๐๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ คำร้องภาษาอังกฤษด้วยพระองค์เองเป็นเพลงแรก ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร ประพันธ์คำร้องภาษาไทยถวาย
เพลงพระราชนิพนธ์ Still on My Mind ฟังเสียง
คำร้อง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
I can't get you off my mind,
However I try.
The flame kindled in my heart
Keeps burning high.
- Though time has the power to quell,
It really cannot dispel
The magic touch of your hand,
So gentle in mine.
When night's curtain starts to fall
And light fades away,
My thoughts fly back to that day,
You were so near.
- This song will never, never end.
And time we cannot suspend.
You'll be ever and ever,
Still on my mind.
- This song will never, never end.
2007年10月5日金曜日
พรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นกองหน้าของชนชั้นกรรมกรของจีน ขณะเดียวกัน
เป็นกองหน้าของ ประชาชนและประชาชาติจีน เป็นศูนย์นำภารกิจสังคมนิยมที่ มีเอกลักษณ์ของจีน เป็นตัวแทน ความต้องการในการพัฒนากำลังการผลิตที่ทันสมัย
และตัวแทนทิศทางความก้าวหน้าของ วัฒนธรรมจีนที่ทันสมัยและก็เป็นตัวแทนผล ประโยชย์ขั้นมูลฐานของประชาชนจีนอันไพศาลที่สุด เหมาเจ๋อตุงได้ยินเกี่ยวกับการปฏิวัติคอมมิวนิสต์ในรัสเซียและเขาก็เป็นผู้ปฏิวัติลัทธิ มาร์กตั้งแต่นั้นก็ก่อให้เกิดพรรคคอมมิวนิสต์จีนขึ้นในประเทศจีน พรรคคอมมิวนิสต์จีน ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2464 โดยเหมาเจ๋อตุง พรรคคอมมิวนิสต์จีนต่อสู้กับพรรคก๊กมินตั๋งหลายครั้งแต่ก็แพ้หลายครั้งแล้วเจอการ รุกรานของญี่ปุ่นจนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่2 สหภาพโซเวียตได้มอบอาวุธจํานวน มากให้กับพรรคคอมมิวนิสต์จีน และได้ทําการรบกับพรรคก๊กมินตั๋ง จนได้รับชัยชนะปกครองประเทศจีนและประกาศตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่จัตุรัสเทียนอันเหมินในวันที่ 1 ตุลาคม 2492 เหมาเจ๋อตุงได้ประกาศว่า ณ วันนี้สาธารณรัฐประชาชนจีนศูนย์กลางอํานาจของประชาชนได้ก่อตั้งขึ้นแล้ว และปกครองด้วยระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์พรรคคอมมิวนิสต์จีนก็ได้นำประชาชนชนชาติต่าง ๆ ทั่วประเทศ รักษาไว้ซึ่งเอกราชและ ความมั่นคงของชาติ ได้บรรลุซึ่งการประเปลี่ยนของสังคมจีน จากลัทธิประชาธิปไตยใหม่สู่สังคมนิยม เป็นผลสำเร็จมีโครงการจนทำให้ภารกิจเศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของจีนได้รับการพัฒนาอย่างใหญ่หลวงที่ีไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์
พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีข้อคิดเห็นให้พัฒนาความสัมพันธ์กับต่างประเทศอย่างแข็งขัน พยายามช่วง ชิงบรรยากาศระหว่างประเทศที่เป็นผลดีต่อการปฏิรูปและเปิดประเทศและการสร้างสรรค์ที่ทันสมัย ของจีน ในกิจการระหว่างประเทศ พรรคคอมมิวนิสต์จีนยืนหยัดดำเนินนโยบายต่าง ประเทศที่สันติ และอิสระเป็นตัวของตัวเอง รักษาเอกราชและอธิปไตยของจีน คัดค้านลัทธิครอง ความเป็นเจ้าและ การเมืองที่วางอำนาจบาตรใหญ่ ป้องกันสันติภาพของโลก ส่งเสริมความก้าวหน้า ของมนุษยชาติ
พัฒนาความสัมพันธ์กับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก พรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นองค์เอกภาพที่ก่อตั้งชึ้น ตามหลักนโยบายและธรรมนูญองค์การส่วนกลางของพรรคคอมมิวนิสค์จีนรวมถึงการประชุมสมัชชา ผู้แทนทั่วประเทศของ พรรค ฯ คณะกรรมการกลาง กรมการเมือง คณะกรรมการประจำกรมการเมือง
สำนักเลขาธิการ คณะกรรมการการทหารและคณะกรรมการตรวจสอบวินัยของคณะกรรมการกลาง พรรคคอมมิวนิสต์จีนการประชุมสมัชชาผู้แทนทั่วประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเปิดประชุม 5 ปีต่อครั้ง
ปัจจุบัน พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีสมาชิกร่วม 70 ล้านคน เลขาธิการใหญ่คนปัจจุบันคือ นายหูจิ่นเทา
พรรคคอมมิวนิสต์จีน สาธารณรัฐประชาชนจีนปกครองในระบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์มีพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งมีสมาชิกประมาณ 68 ล้านคน(สถิติปี 2547)เป็นสถาบันทางการเมืองที่มีอำนาจในการกำหนดนโยบายด้านต่างๆของประ เทศอย่างเบ็ดเสร็จตามแนวทางลัทธิมาร์กซ์-เลนิน ความคิดของอดีตประธานาธิบดีเหมา เจ๋อตง ทฤษฎีการ สร้างสรรค์สังคมนิยมที่มีเอกลักษณ์แบบจีนของเติ้ง เสี่ยวผิง รวมถึงทฤษฎีสามตัวแทนที่ได้รับการบรรจุเข้า ในธรรมนูญของรัฐเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2545 โดยรัฐบาลและรัฐสภามีหน้าที่คอยปฏิบัติตามมติและนโยบาย ที่พรรคกำหนดโดยยึดหลักประชาธิปไตยรวมศูนย์ (Democratic Centralism) ตามธรรมนูญพรรค
กำหนดให้มีการประชุมสมัชชาพรรคแห่งชาติ (Party Congress) ทุก 5 ปี นับตั้งแต่ได้มีการจัดตั้ง พรรคขึ้นในปี 2464 จนถึงปัจจุบัน พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้จัดให้มีการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์ แล้วรวมทั้งสิ้น 16 ครั้ง โดยได้จัดประชุมสมัชชาพรรคสมัยที่ 16 ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2545 ซึ่งนายหู จิ่นเทา ได้รับเลือกให้เป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ คนปัจจุบัน (วาระ 5 ปี)
การเมืองภายในจีนยังคงมีเสถียรภาพภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อวันที่ 8-14พฤศจิกายน
2545ได้มีการประชุมสมัชชาพรรคสมัยที่16ซึ่งมีการถ่ายโอนอำนาจจากผู้นำรุ่นที่3ซึ่งมีนาย เจียง เจ๋อหมิน เป็นแกนนำ ไปยังรุ่นที่ 4 ซึ่งมีนายหู จิ่นเทา เป็นแกนนำ
ที่ประชุมได้แต่งตั้งนายหู จิ่นเทา เป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน สืบแทนนายเจียง เจ๋อหมิน พร้อมทั้งแต่งตั้งสมาชิกถาวรประจำกรมการเมือง (Members of Standing Committee of the Political Bureau of the Central Committee of CPC) อีก 8 คน ถือได้ว่าบุคคลทั้ง 9 คนนี้ เป็นผู้ที่มีความสำคัญทางการเมืองระดับสูงสุดของจีน
ระหว่างวันที่ 5-18 มีนาคม 2546 ได้มีการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติสมัยที่ 10 ขึ้น ในการประชุมครั้งนี้ได้มีการสรุปผลการบริหารประเทศในช่วง 5 ปี พร้อมทั้งแต่งตั้งผู้นำรัฐบาล ชุดใหม่ โดยได้แต่งตั้งให้ นายหู จิ่นเทา เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน เป็นประธานาธิบดี ( สืบแทนนายเจียง เจ๋อหมิน) และนายเวิน เจียเป่า เป็นนายกรัฐมนตรี (สืบแทนนายจู หรงจี) ในขณะที่ นายเจียง เจ๋อหมิน ยังคงดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการทหารพรรคคอมมิวนิสต์จีนต่อไปอีกสมัย
ต่อมา ในการประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 4 ของสมัชชาพรรคสมัยที่ 16 ระหว่างวันที่ 16-19 กันยายน 2547 ได้อนุมัติให้นายหู จิ่นเทา ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการทหาร
(สืบแทนนายเจียง เจ๋อหมิน) โดยจะมีผลเมื่อได้รับความเห็นชอบจากสภาประชาชนในเดือนมีนาคม 2548
2007年10月4日木曜日
ลิเก เกิดขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา หรือต้นกรุงรัตนโกสินทร์ คำว่า ลิเก เพี้ยนมาจากคำว่า ซิเกร์ ในภาษาเปอร์เซีย ที่ยืมมาจากคำว่า ซิกรุ ในภาษาอาหรับ อันหมายถึงการอ่านบทสรรเสริญเป็นการรำลึกถึงอัลลอหฺพระเจ้าในศาสนาอิสลาม พระครูศรีมหาโพธิคณารักษ์ก็ได้กล่าวถึงลิเกไว้ในวารสารสังคมศาสตร์ปริทัศน์ ปีที่ 3 ฉบับที่ 1 หน้า 43 ว่า พวกมุสลิมนิกายชิอิท หรือเจ้าเซ็นจากเปอร์เซีย นำสวดลิเกที่เรียกว่า ดิกร เข้า มาในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย กรมพระยาดำรงราชานุภาพก็ทรง บันทึกว่า ยี่เกนั้น เพี้ยนมาจาก จิเก
มีบันทึกว่า พวกแขกเจ้าเซ็นได้สวดถวายตัวในการบำเพ็ญพระราชกุศล เมื่อ พ.ศ. 2423 ต่อมาคิดสวดแผลงเป็นลำนำต่าง ๆ คิดลูกหมดเข้าแกมสวด ร้องเป็นเพลงต่างภาษา และทำตัวหนังเชิด โดยเอารำมะนาเป็นจอก็มี ลิเกจึงกลายเป็นการเล่นขึ้น ต่อมามีผู้คิดเล่นลิเกอย่างละคร คือ เริ่มร้องเพลงแขก แล้วต่อไปเล่นอย่างละครรำ และใช้ปี่พาทย์อย่างละคร
ชนิดของลิเก
ลิเกป่ามีเครื่องดนตรีประกอบการแสดง 3 อย่าง คือ กลองรำมะนา 1-2 ใบ ฉิ่ง 1 คู่ กรับ 1 คู่ บางคณะอาจจะมีโหม่ง และทับด้วย ลิเกป่ามีนายโรงเช่นเดีวกับหนังตะลุง และมโนราห์ และโร สำหรับการแสดงก็คล้ายกับโรงมโนราห์ ผู้แสดงลิเกป่า คณะหนี่งมีประมาณ 6-8 คน ถ้ารวมลูกคู่ด้วยก็จะมีจำนวนคนพอ ๆ กับมโนราห์หนึ่งคณะ การแสดงจะเริ่มด้วยการโหมโรง "เกริ่นวง" ต่อจากเกริ่นวงแขกขาวกับแขกแดงจะออกมาเต้นและร้องประกอบ โดยลูกคู่จะรับไปด้วย หลังจากนั้นจะมีผู้ออกมาบอกเรื่อง แล้วก็จะเริ่มแสดงเลย
ลิเกบันตน เริ่มด้วยร้องเพลงบันตน(เพี้ยนจาก ปันตน)เป็นภาษามลายู ต่อมาก็แทรกคำไทยเข้าไปบ้าง ดนตรีก็ใช้รำมะนา จากนั้นก็แสดงเป็นชุด ๆ ต่างภาษา เช่น แขก ลาว มอญ พม่า ต้องเริ่มด้วยชุดแขกเสมอ ผู้แสดงแต่งตัวเป็นชาติต่าง ๆ ร้องเอง พวกตีรำมะนาเป็นลูกคู่ มีการร้องเพลงบันตนแทรกระหว่างการแสดงแต่ละชุด
ลิเกลูกบท คือ การแสดงผสมกับการขับร้องและบรรเลงเพลงลูกบท ร้องและรำไปตามกระบวนเพลง ใช้ปี่พาทย์ประกอบแทนรำมะนา แต่งกายตามที่นิยมในสมัยนั้นๆ แต่สีฉูดฉาด ผู้แสดงเป็นชายล้วน เมื่อแสดงหมดแต่ละชุด ปี่พาทย์จะบรรเลงเพลง 3 ชั้นที่เป็นแม่บทขึ้นอีก และออกลูกหมดเป็นภาษาต่าง ๆ ชุดอื่น ๆ ต่อไปใหม่
ลิเกทรงเครื่อง เป็นการผสมผสาน ระหว่างลิเกบันตนและลิเกลูกบท มีท่ารำเป็นแบบแผน แต่งตัวคล้ายละครรำ แสดงเป็นเรื่องยาวๆ อย่างละคร เริ่มด้วยโหมโรงและบรรเลงเพลงภาษาต่างๆ เรียกว่า "ออกภาษา" หรือ "ออกสิบสองภาษา" เพลงสุดท้ายเป็นเพลงแขก พอปี่พาทย์หยุด พวกตีรำมะนาก็ร้องเพลงบันตน แล้วแสดงชุดแขก เป็นการคำนับครู ใช้ปี่พาทย์รับ ต่อจากนั้นก็แสดงตามเนื้อเรื่อง ลิเกที่แสดงในปัจจุบันเป็นลิเกทรงเครื่อง
ลิเกป่า เป็นศิลปะการแสดงที่เคยได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในจังหวัดสุราษฎร์ธานีและ จังหวัดทางภาคใต้ทั่ว ๆ ไป แต่ในปัจจุบันลิเกป่ามีเหลืออยู่น้อยมาก ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่า เดิมลิเกป่าจะมีแสดง ให้ดูทุกงาน ไม่ว่าจะเป็นบวชนาค งานวัด หรืองานศพ
2007年10月3日水曜日
2007年10月2日火曜日
มิสฟิตส์ (The Misfits) เป็นวงแนวฮอร์เรอร์พังค์ (horror punk) ก่อตั้งวงในปี ค.ศ. 1977 Glenn Danzig กับ Jerry Only เป็นคนตั้งวง
Glenn Danzig มีความชื่นชอบในตัวมาริลิน มอนโร ภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายที่เธอเล่นคือเรื่อง The Misfits จึงเป็นที่มาของชื่อวง
โดยมีสมาชิกวงเริ่มแรกคือมี Diane DiPiazza(มือเบส) Jerry Only(มือเบส/กีต้าร์) Jimmy Battle(มือกีต้าร์)Franché Coma(กีต้าร์) Rick Riley(กีต้าร์) Bobby Steele(กีต้าร์) Doyle Wolfgang von Frankenstein ,Manny Martínez(อยู่ในอัลบั้มEp)Mr. Jim ,Joey Image, Arthur Googy,ROBO(อยู่ในอัลบั้มแรกแล้วออกไป),Brian Damage(อัลบั้มแรก)
2007年10月1日月曜日
2007年9月30日日曜日
2007年9月28日金曜日
2007年9月27日木曜日
"อัศวินเจไดนับพันรุ่นเคยเป็นผู้พิทักษ์สันติสุขและความยุติธรรมในสาธารณรัฐเก่า ก่อนจะเข้าสู่ยุคมืด ก่อนจะมีจักรวรรดิ"
―โอบีวัน เคโนบี
เจได เป็นกลุ่มองค์กรที่แต่งขึ้นของภาพยนตร์เรื่องสตาร์ วอร์ส ทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในจักรวาล และยังเป็นเสมือนหนึ่งศาสนา หรือลัทธิ อีกด้วย
โดยทั่วไปเจไดหมายถึง อัศวินเจได (Jedi Knight) ซึ่งเป็นบุคคลที่สามารถควบคุมและใช้งานพลัง โดยเจไดจะเลือกใช้งานเฉพาะด้านสว่างของพลังเท่านั้น
ทางเดิน
"สภาลงมัติอนุุญาติให้ข้าฝึกเจ้า เจ้าจะได้เป็นเจได,ข้าสัญญาิ"
―โอบีวัน เคโนบีบอกอนาคิน สกายวอล์คเกอร์์
เมื่อนักเรียนแต่ละคนได้รับการฝึกถึงขั้นที่น่าพอใจของหนทางแห่งเจไดแล้ว, พวกเขามักถูกดูแลภายใต้สมาชิกเจไดอีกคนหนึ่งและสอนความรู้เฉพาะบุคคลจนผ่านขั้นตอนการฝึก อาจารย์จะเป็นแบบอย่างให้แก่พาดาวันของเขาตลอดภารกิจ, และหลังจากส่งพวกเขาไปปฏิบัติภารกิจด้วยตัวของพวกเขาเอง, สำหรับพวกเขาเพื่อสั่งสมประสบการณ์และเรียนรู้จากการฝึกฝน
การฝึกฝน
"คริสตัลคือหัวใจของดาบ หัวใจคือคริสตัลของเจได เจไดคือคริสตัลของพลัง พลังคือดาบของหัวใจ ทุกอย่างต่างเกี่ยวข้องกัน: คริสตัล, ดาบ, เจได เจ้าเป็นหนึ่งเดียว"
―ลูมินาร่า อันดูลิี,ขณะอยู่ในพิธีสร้างกระบี่แสง
อาวุธตามธรรมเนียมของเจไดก็คือกระบี่แสง, ซึ่ง, เมื่ออยู่ในมือที่มีทักษะคล่องแคล่ว, อาจกลายเป็นการต่อสู้ที่ร้ายกาจ, แม้แต่กับการต่อกรกับคู่ต่อสู้ที่ใช้อาวุธระยะไกล ในการบรรลุระดับของทักษะนี้, อย่างไรก็ดี, มันต้องการความตั้งใจสูงและการฝึกฝนที่เข้มงวด นักเรียนจะฝึกฝนการใช้กระบี่แสงด้วยรีโมท, และเด็กๆจะใช้กระบี่แสงในการฝึกฝน พวกเขายังดวลกับเจไดด้วยกันเองเพื่อทดสอบฝีมือของพวกเขา เมื่อถึงเวลาการใช้กระบี่จริงๆ, เจไดต้องการความระมัดระวังสูง, ด้วยเหตุนี้, เช่นการฝึกฝนให้เป็นหนึ่งเดียวกับพลัง ตั้งแต่การเป็นหนึ่งเดียวกับความประณีตในเนื้อในของกระบี่แสงและชั้นแรกของประจุพลังซึ่งต้องการความรู้ทางด้านพลังเพื่อสนับสนุน, เจไดจะสร้างกระบี่แสงด้วยตนเองซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกฝน, ใช้คริสตัลพิเศษเป็นจุดรวมของใบมีกระบี่แสง ในช่วงสงครามเจไดกลางเมือง, เจไดซีรีนหลายคนใช้คริสตัลพิเศษคาชาในกระบี่แสงเป็นเครื่องมือในการเข้าญาณ; โดยการเป็นหนึ่งเดียวกับคริสตัลในการฝึกกฏเกณฑ์ของพวกเขา, พวกเขาช่วยขจัดความวอกแวกในจิตใจ, แม้แต่ความตึงเครียดในการต่อสู้ ต่อไป, มันจะนำตัวมันเองเพื่อหาส่วนประกอบของกระบี่แสง การเข้าญาณในถ้ำคริสตัลบนดาวเคราะห์ เช่น อิลัมหรือแดนทูอีนมักจะเห็นภาพใจจิตใจของเจไดเกี่ยวกับกระบี่แสงที่พวกเขาจะสร้างขึ้น การสร้างกระบี่แสงถูกพิจารณาเป็นเครื่องวัดระยะของการเข้าสู่ขั้นอัศวินเจได, และเป็นสัญลักษณ์ที่ให้ความหมายแข็งแกร่ง
การฝึกกระบี่แสง
ี
"วิถีของเจไดนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย,และถึงแม้เจ้าได้เป็นเจได,มันก็เป็นชีวิตที่ยากลำบาก"
―ไคว-กอน จิน
"หากวิถีของเจไดเป็นเรื่องง่าย,คงมีพวกที่เหมือนเราเป็นพันล้านแทนที่จะมีแค่ไม่กี่โหล"
―ลุค สกายวอล์คเกอร์
ในการปฏิบัติตามหลักของเจได, การปฏิบัติตัวของเจไดจะต้องไม่สั่นคลอนเพื่อยืนหยัดในระเบียบวินัยของตนเอง, มีความรับผิดชอบ, และช่วยเหลือสาธารณะ เจไดต้องควบคุมความรู้สึกและความเห็นแก่ตัว พวกเขามีชีวิตที่มีเกียรติ, หลักเกณฑ์, ในนิกายและความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์และศิษย เจไดมักช่วยสนับสนุนและปกป้องความอ่อนแอ กฎของการผูกมัดเช่น ความรู้สึก ความคิดเห็น ดั่งความเข้าใจในด้านมืดและสว่างในทุกสิ่ง, เรียนรู้ที่จะเห็นอย่างระมัดระวัง, เปิดตาของพวกเขาเพื่อรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ไม่ชัดแจ้งและปฏิบัติหน้าที่อย่างระมัดระวัง, แม้แต่กับสนใจในสิ่งเล็กๆน้อยๆ สำคัญที่สุด, เจไดทำหน้าที่เพื่อสาธารณรัฐและเป็นหนึ่งเดียวกับพลัง เหล่าเจไดก่อนที่รูซานน์จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบมีหนทางหลายหนทางในการปฏิบัติของพวกเขา, นิกายมีการจัดรวมที่หละหลวมและอัศวินเอกชนและปรมาจารย์ยอมให้อิสระส่วนตัวมากกว่า ภายหลัง, นิกายมีศูนย์กลางสำคัญคือสภาสูง
"เจไดไม่เห็นแก่ตัว พวกเขาคำนึงถึงผู้อื่น"
―อนาคิน สกายวอล์คเกอร์
แม้ว่าต่อมามันจะกลายเป็นข้อห้าม, เจไดในยุคแรกๆจะใช้โล่และเกราะเพื่อป้องกันตนเองในสนามรบ, และใช้ปืนเลเซอร์แทนกระบี่แสงในการต่อสู้ เจไดในยุคก่อนการเปลี่นแปลงยังไม่มีชุดคลุมอีกด้วย, หรืออาจมีมากหรือน้อยเมื่อพวกเขาเห็นว่าเหมาะสมแล้ว, แม้ว่าเสื้อคลุมยาวตามประเพณีนั้นเป็นที่ชอบของปรมาจารย์ส่วนใหญ่ก็ตาม นี่รวมถึงเสือ้คลุมที่มีแขน, เสื้อคลุมไม่มีแขน—มักจะมีสีและโทนที่ไม่เปลี่ยนแปลงของสีขาวและน้ำตาล, และ, สีเทาก็เป็นสีปกติของเสื้อคลุมด้วย ด้านข้างซ้ายของชุดคลุมมักผลิกให้เห็นด้านขวาของลำตัว หลังจากมีการเปลี่ยนแปลง, เสื้อคลุมยาวก็กลายเป็นเสื้อผ้าหลักของเจได, แม้แต่ในสมรภูมิ เจไดยังใส่กางเกงอีกด้วย, โอบิ เข็มขัดหนังสาระพัดประโยชน์, ที่ซึ่งพวกเขาเก็บเครื่องมือพิเศษสำหรับในภารกิจของพวกเขา, และบูทหนัง สีของเจได, ซึ่งแสดงให้เห็นความกลมกลืนกับพลัง, ซึ่งมีรูปร่างตรงกันข้ามกับซิธอย่างสิ้นเชิง, ผู้ซึ่งแต่งกายโดยใช้สีดำเป็นหลัก ในการเห็นพ้องต้องใจของพวกเขาในเรื่องการไร้ความยึดติด, ชุดแสดงให้เห็นว่าบางที่ก็ไม่จำเป็นในทีเดียว
"เราคือเจได,เราไม่ได้อยู่เพื่อตนเอง เราปฏิญาณตนว่าจะรับใช้พลังที่สูงกว่าพวกเราเอง"
―ไคว-กอน จิน
เจไดแห่งสาธารณรัฐถูกต้องห้ามมิให้มีความผูกพันที่แรงกล้า, ดังที่พวกเขาเชื่อว่ามันจะนำไปสู่ความรู้สึกของด้านมืด ด้วยเหตุนี้, เจไดจึงห้ามให้มีการแต่งงาน อนาคิน สกายวอล์คเกอร์์อาจเป็นคำสั่งเสียในเรื่องการระมัดระวังของเจได, เหมือนที่เขากลัวการสูญเสียภรรยาลับของเขา, แพดเม่ อมิดาลา, เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาจมลงสู่ความมืด, แต่การติดต่อกับลูกชายของเขา, ลุค สกายวอล์คเกอร์, จะนำเขากลับสู่แสงสว่าง แม้ว่าเจไดไม่ได้มีข้อต้องการว่าจะต้องบริสุทธิ์, เจไดหลายคนเป็น อย่างน้อยหนึ่งกรณีพิเศษที่ได้ถูกบันทึกไว้: คิ-อดิ-มันดิิ, เนื่องจากเกิดมาโดยเป็นซีรีนที่มีถานะต่ำ, ซึ่งอนุญาตให้แต่งงานโดยมีภรรยาหลายคนได้, และเป็นพ่อของลูกสาว7คน รานิค โซลูซาร์ถูกสั่งสอนวินัยจากสภาในการแต่งงานของเขาและลูกที่เกิด,แต่ก็ไม่ได้ถูกขับไล่ออกจากนิกาย
แม้จะมีข้อจำกัดนี้, เจไดรู้การที่จะมีความลับ, ความสัมพันธ์อย่างลับๆ, กับคนที่ไม่ใช่เจได, เช่น การแต่งงานของอนาคิน สกายวอล์คเกอร์กับแพดเม่ อมิดาลา, ควินลัน วอสและคาลีน เฮนทซ์, และนีจา ฮัลซีอนกับซีร่า ฮัลซีอน; หรือกับคนในนิกายเจได—เช่น ความสัมพันธ์ของคิท ฟิสโตกับเอย์ล่า ซีคูร่า, ไคว-กอน จินกับทาฮ์ล, โอบี-วัน เคโนบีกับซีริ ทาชิ, และโทล์มกับที'อซา ความสัมพันธ์พวกที่ส่วนมากไม่ได้นำไปสู่โชคร้าย ไกลออกไป, รีแวนแบ่งปันความรักกับแบสติล่า ชานซึ่งทำใหเธอพ้นความชั่วร้าย
"การผจญภัย...เรื่องตื่นเต้น...เจไดไม่ได้โหยหาในสิ่งเหล่านี้"
―โยดา
ความด่างพร้อยอื่นๆที่เห็นได้ชัดในสภาสูงในเรื่องนี้ นี่นำไปสู่ความโกลาหลของโจลี บินโดกับภรรยาของเขา,นายาม่า บินโด, ในช่วงมหาสงครามซิธ บินโดฝึกสอนภรรยาของเขาให้ใช้พลัง,แต่แล้วไม่นานเธอก็จมลงสู่ด้านมืด เขาไม่ได้ถูกขับไล่ออกจากนิกาย,กลับถูกเลื่อนขั้นให้เป็นอัศวินเจไดอีกตั้งหาก เขาจึงเสียศรัทธาในความไตร่ตรองของสภาและออกจกานิกาย
มาถึงยุคเปลี่ยนแปลงของรูซานน์, เจไดบางคนได้ทำการแต่งงานและมีครอบครัวเป็นของตนเอง แม้แต่ทั้งครอบครัวก็เกิดมาจากเจได, เช่น ครอบครัวของเอ็นเดอร์ ซันไรเดอร์ เด็กจากครอบครัวเจไดมักมีพรสวรรค์ในพลัง แม้ว่าต่อมาในนิกาย, ครอบครัวก็ยังมีอยู่—แม้ว่าการสืบเชื้อสายนั้นผ่านจากสมาชิกของครอบครัวแต่ละคนซึ่งไม่ได้เป็นเจได ครอบครัวเจไดแห่งสาธารณรัฐล่าสุดยังรวมถึงครอบครัวคูนและครอบครัวเดธท์
เส้นทางของเจไดนั้นเป็นชีวิตที่ยืนยาว, และเจไดมักใช้ชีวิตทั้งชีวิตอยู่ในนิกาย—เรียนรู้เกี่ยวกับนิกายและพลังมากขึ้นและเดินตามเจตนารมณ์ของสภาเจได จนกระทั่งเกิดสงครามโคลน, มีเจไดเพียง20คนเท่านั้น(ทั้งอัศวินหรือสูงกว่า)กล่าวว่าจะออกจากนิกาย, อย่างผู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดเคาท์นดูกูและปรมาจารย์ฟาเนียส พวกเขาเหล่านี้ถูกเรียกว่าผู้สูญหายทั้ง20, หรือเรียกง่ายๆว่า"ผู้หลงทาง"
หนทางแห่งชีวิต
"พันธมิตรของข้าคือพลัง,และมันเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งซะด้วย"
―โยดา
"เจไดไม่เชื่อในการสังหารนักโทษของพวกเขา...อะไรเล่าจะเป็นอาวุธที่ดีกว่าการเปลี่ยนศัตรูให้มาเป็นฝ่ายเจ้า เพื่อใช้ความรู้ของพวกมันต่อสู้พวกมัน"
―แบสติล่า
ด้านมืดของพลังนั้นเป็นที่น่ายั่วยุของเจไดหลายต่อหลายคน; หลายอย่างของด้านมืดดูเร็วกว่าและง่ายกว่า แสวงหาในด้านมืด, อบ่างไรก็ตาม,มันเป็นการพยายามที่จะทำลายตนเอง, และเจไดหลายคนผู้ที่ใช้พลังมืดพบว่ามันยิ่งหันกลับไปมากขึ้นและมากขึ้น แม้ว่าเจไดบางคนอาจกลับเข้าสู่แสงสว่างได้อีกครั้ง, แต่หลายคนก็จมลึกจนกลายเป็นเจไดมืด, บางคนก็เป็นสามชิกของนิกายซิธ ไกลออกไป, การโหยหาด้านมืดที่น้อยลงก็ลดความสามารถของเจไดลงไปด้วย, บดบังการมองทะลุในสิ่งสำคัญ ด้วยเหตุนี้, การฝึกฝนพลังด้านมืดประกาศเป็นสิ่งต้องห้ามโดยสภาเจได พวกที่จมสู่ด้านมืด,อย่างไรก็ตาม, เจไดก็พยายามที่จะช่วย ในเจได, การฆ่าคือหนทางสุดท้าย ความดีเลวนี้ครั้งหนึ่งเป็นความแข็งแกร่งและอ่อนแอของนิกาย มันทำให้พวกเขาดูเหมือนน่าไว้ใจเกินไป; อย่างไรก็ตาม, แม้แต่ซิธที่แข็งแกร่ง เช่น รีแวนและดาร์ื์ธ เวเดอร์์ก็ถูกช่วยและหันกลับสู่ด้านสว่างโดยเจได
พลัง
"เจไดไม่สู้เพื่อความสงบ นั่นเป็นเพียงประโยค, และมันเป็นที่เข้าใจผิดว่าประโยคนั้นมันเป็นจริงเสมอ เจไดสู่เพื่ออารยธรรม, เพราะว่ามีแต่อารยธรรมเท่านั้นที่สร้างความสงบ เราสู้เพื่อความยุติธรรมเพราะความยุติธรรมเป็นรากเง้าของอารยธรรม: อารยธรรมที่ไม่มีความยุติธรรมนั้นสร้างบนผืนทราย มันจะไม่ทนทานต่อพายุที่โหมกระหน่ำ่"
―เมซ วินดู
ความแข็งแกร่งของกฎของเจไดและนิกายตั้งอยู่บนสามคำสอนหลัก
เมื่อใช้อย่างถูกต้อง, มันจะช่วยเจไดแก้ปัญหาทุกปัญหาและผ่านอุปสรรคทุกอุปสรรค, ช่วยกาแลคซี่ให้สงบขึ้น
สามหลักมั่นของความแข็งแกร่งของเจได
"สภายกเจ้าเสนอระดับอัศวินเจได นั้นสมควรแล้ว,แต่จะให้เห็นด้วยกับการนำเด็กนี้มาเป็นพาดาวันนั้น,ไม่เห็นด้วย"
―โยดาบอกโอบี-วัน เคโนบี
เช่นเดียวกับที่เจไดต้องยึดมันในกฎของเจไดและพลัง, สมาชิกแต่ละคนจะต้องบรรลระดับพื้นฐานทั้งสี่ของเจได
ลำดับชั้นของอัศวินเจได
อัศวินเจไดหรืออาจารย์เจไดจะมีศิษย์เพียงครั้งละหนึ่งคนเท่านั้น, และพาดาวันต้องเป็นอัศวินเจไดก่อนที่จะเลือกพาดาวันคนใหม่มาเป็นศิษย์ หลายพันปีก่อนช่วงการเปลี่ยนแปลงของรูซานน, อย่างไรก็ดี, อาจารย์สามารถมีศิษย์มากกว่าหนึ่งคนได้, เช่น อาจารย์อาคา เจทธ์ที่มีถึงสามคน—พี่น้องอุลลิคและเคย์ เคว-โดรม่าและทวิ'เลค ทอทท์ โดนีตา เมื่อนิกายเจไดใหม่เริ่มต้นครั้งแรก, ลุค สกายวอล์คเกอร์มอบหมายนักเรียนหลายคนให้กับอาจารย์ที่น้อยนิดในนิกาย; ตัวอย่าง, ไคล์ คาทาร์นมีเจเดน คอรร์และรอช เพนิน ทั้งสองถูกมอบให้กับเขา
เจไดผู้ช่ำชอง เป็นหนทางสำหรับผู้ใหญ่ที่มีความรู้สึกด้านพลังซึ่งไม่เคยฝึกฝนตามระเบียบของเจไดมากก่อน
เจไดเริ่มต้น (หรือ ยังลิ่งหรือ"คาดหมายว่าจะเป็นเจได") เด็กที่มีความรู้สึกด้านพลัง มักตรวจพบว่าจะได้เป็นเจไดโดยตรวจจากตัวอย่างเลือด -- พวกที่มีพลังแฝงอยู่มักจะมีจำนวนมิดิ-คลอเรี่ยนที่สูงในเลือดของพวกเขา ด้วยวัยทียังอ่อน, เด็กจะถูกนำมากจากครอบครัวของพวกเขาและไปที่วิหารเจไดเพื่อเริ่มการฝึก ยังลิ่งจะรวมกันเป็นกลุ่มเดียวกัน
เจไดพาดาวัน ; ศิษย์ที่เริ่มการฝึกสอนอย่างจริงจังโดยอัศวินเจไดเพียงหรือปรมาจารย์เจไดหนึ่งคนเท่านั้น ในการวัดขั้นของสถานะพาดาวัน, ผู้เริ่มต้นต้องถูกเลือกโดยอัศวินหรืออาจารยโดยที่มีศิษย์เพียงคนเดียว์ หากยังลิ่งยังไม่ถูกเลือกให้เป็นพาดาวัยจนมีอายุ13ป, ยังลิ่งจะถูกเปลี่ยนไปเป็นตำแหน่งอื่นแทน, อย่างน้อยก็จนวนเวียนอยู่ในเหล่าเจไดช่วยเหลือ, หรือพวกเขาอาจถูกเลือกให้ออกจากนิกาย มันขึ้นอยู่กับว่าความสามารถของเขามันแสดงออกมาทางด้านไหน อาจเป็นเหล่ากสิกรรม, เหล่าการแพทย์, หรือเหล่าสำรวจ พาดาวันจะไวผมเปียยาวไว้หลังหูขวา เมื่อพาดาวันเลื่อนขึ้นสู่เหล่าอัศวินเปียก็จะถูกตัดในระหว่างพิธีกรรมอัศวิน อย่างน้อยเจไดไม่กี่คน, แม้ว่า, จะเป็นอัศวินไม่ยุ่งยากโดยแค่บอกว่าพวกเขาได้ผ่านการพิสูจน์ความเป็นเจไดจะถูกไตร่ตรองว่าจำเป็น;อย่างเช่น โอบี-วัน เคโนบี, และเวอร์จ บางทีก็ยกเว้นให้สำเร็จการฝึกพาดาวันไปเลย, อย่างในกรณีของอนาคิน สกายวอล์คเกอร์
อัศวินเจได ; พาดาวันที่ถูกฝึกสอนอาจกลายเป็นเจที่ถูกสอนเต็มที่แล้วเมือ่พวกเขาสำเร็จการพิสูจน์ความเป็นเจได การพิสูจน์ี่มี, แต่มันก็มีจำกัดเช่นกัน: การพิสูจน์แห่งความเป็นคน, การพิสูจน์แห่งความกล้าหาญ, การพิสูจน์แห่งทักษะและการพิสูจน์แห่งตน(หรือการพิสูจน์แห่งกระจกเงา)
อาจารย์เจได ; อัศวินเจไดที่แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในพลังและจัดการสอนพาดาวันและฝึกจนเขาบรรลุถึงอัศวินเจได คำนำหน้านี้อาจใช้ให้กับผู้ที่ทำวีรกรรมที่น่ายกย่อง การประกาศตนเองให้เป็นอาจารย์เจไดนั้นหายากและเป็นที่ไม่พอใจของสถาเจได(ตัวอย่าง: โจรัส ซี,บอทและตัวโคลนของเขาโจรัส ซี,บอท)
สมาชิกของสภา ; เจไดน้อยนักที่จะถูกเสนอชื่อให้รับใช้สภาเจได, การดูแลนิกาย สภาจะมีแต่ผู้ที่มีความรู้เยอะส่วนใหญ่, อาจารย์ทีมีประสบการณ์(ในวันที่แห้งเหือดของนิกาย, หนึ่งอัศวิน, คิ-อดิ-มันดิ, ทำหน้าที่เป็นสมาชิกของสภา, แต่เขาพบความยากลำบากในการเป็นอาจารย์ในเวลาที่เขาถูกเสนอชื่อ) อัศวินเจไดอีกคน, อนาคิน สกายวอล์คเกอร์ถูกแต่งตั้งเข้าสภาโดยสมุหนายกพัลพาทีน, แม้ว่าเขาจะไม่ไดรับขั้นอาจารย์เพราะเหตุนี้ สภาจะประกอบด้วยสมาชิกทั้งหมดเป็นอาจารย์12คน, ห้าคนจะใช้เวลาทั้งชีวิต(สองคนจะขอลดตำแหน่งเป็นรอง), สี่คนในช่วงเวลายาวนาน, และสามในช่วงเวลาสั้นๆ
ปรมาจารย์เจได ; ระดับสูงสุดในนิกายเจไดนั้นคือปรมาจารย์เจได โยดาคือหนึ่งในปรมาจารย์ เช่นเดียวกับลุค สกายวอล์คเกอร์ในสงครามสวาร์ม บางคนเชื่อว่าอาจารย์แวนดาร์ตั้งตัวเองเป็นอาจารย์ผู้อาวุโส การปกครองของนิกาย
การเป็นเจไดคิอชีวิตที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้งในถานะนิกายเจไดซึ่งต้องมีตวามรับผิดชอบสูง ขณะที่เจไดส่วนมากเป็นเจไดรักษาการ, บางที่อาจทำหน้าที่พิเศษในบริเวณไม่มากก็น้อย แต่ในการเห็นพ้องต้องกันกับความสนใจของพวกเขาและการเลื่อน, หรือเพราะพวกเขาถูกมอบหมายให้ทำหน้าที่รับผิดชอบสำหรับพื้ที่ซึ่งต้องการหน่วยพิเศษทำ ด้วยการเป็นหน่วยพิเศษนี้มักกลายเป็นเจไดที่ไม่เหมือนคน ยิ่งกว่านั้น,ในช่วงเวลาประวัติศาสตร์ของกาแลคซี่,เจไดบางคนจะทำหน้าที่ทางการทหารและสู้รบเคียงข้างกับกองกำลังของสาธารณรัฐ
หน่วยปฏิบัติการพิเศษ
"สงครามไม่ได้ทำสิ่งใดให้ดีขึ้น!"
―โยดา
ในตำแหน่งอื่นๆที่เพิ่มมาจากตำแหน่งธรรมดา,มีจำนวนของยศและตำแหน่งอยู่บนพื้นฐานของหน่วยพิเศษในพื้นที่ของสงครามและการต่อสู้
ผู้บัญชาการเจได (Jedi Commander) - พาดาวันที่ทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการในกองทัพหลักแห่งสาธารณรัฐ,ผู้บัญชาการเจไดจะทำหน้าที่จนกระทั่งได้เป็นอัศวิน เมื่อเป็นจไดอย่างเต็มตัว,พาดาวันจะได้รับหน้าที่นายพล
นายพลเจได (Jedi General) - เจไดผู้ที่ทำหน้าที่บัญชาการกองทัพของสาธารณรัฐ ถูกพิจารณาให้เป็นนายพลอย่างเต็มตัว
นายพลเจไดผู้อาวุโส (Senior Jedi General) - ตำแหน่งสูงของเจไดที่ทำหน้าที่เป็นนายพลในสงครามโคลน,นายพลเจไดผู้อาวุโสมักจะเป็นอาจารย์เจไดที่มีประสบการณ์ด้านการทำสงครามและยุทธวิธี
นายพลเจไดขั้นสูง (High Jedi General) - สมาชิกของสภาเจไดที่ทำหน้าที่เป็นนายพลในช่วงสงครามโคลน,นายพลเจไดขึ้นสูงไม่ได้แค่บัญชาการกองทัพของตนเองเท่านั้น,แต่ยังคงสั่งการนายพลเจไดคนอื่นๆอีกด้วย โยดา(Yoda),โอบี-วัน เคนโนบี(Obi-wan Kenobi),และเมซ วินดู(Mace Windu)เป็นนายพลเจไดขึ้นสูงที่มีชื่อเสียง
ขุนนางเจได (Jedi Lord) - เจไดผู้ที่รับหน้าที่กองทัพแห่งแสงสว่างในช่วงสงครามซิธใหม่ ขุนนางเจไดที่ดำรงตำแหน่งนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองแต่อย่างใด ตำแหน่งนี้ถูกยกเลิกหลังสงคราม
นักรบแห่งพลัง (Force Warrior) - เจไดผู้ที่มีทักษะในการต่อสู้ที่ไม่มีอาวุธใดๆ,มีเพียงการใช้การเข้าญาณ ศิลปะการป้องกันตัวและพลัง
เจไดเอซ (Jedi ace) - เจไดผู้ที่มีความพิเศษในด้านการสู้รบโดยใช้สตาร์ไฟเตอร์,เป็นการใช้ทักษะในการเป็นนักบินและความสามารถพลัง
เจไดผู้รักษาทางเข้า (Jedi gatemaster) - เจไดผู้ทำหน้าที่เป็นผู้รักษาของทางเข้าหลักสู่วิหารเจได เจไดเหล่านี้มักจะถูกฝึกในทางที่พิเศษออกไป
เจไดผู้พิทักษ์ (Jedi Guardian) - อาจารย์เจไดผู้ที่มีทักษะพิเศษทางด้านการต่อสู้,ผู้พิทักษ์จะเพ่งเล็งสมาธิเรื่องกางฝึกฝนสงครามและการต่อสู้เป็นพิเศษโดยที่ไม่สูญเสียจุดมุ่งหมายบนชั้นเชิงและหลักธรรมของพลัง
เจไดผู้เชี่ยวชาญอาวุธ (Jedi Weapon Master) - อาจารย์เจไดผู้ที่เพ่งเล็งไปที่การต่อสู้คนเดียว,ผู้ที่เชี่ยวชาญทางอาวุธเป็นนักสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในนิกาย,แต่ยังมีความเข้าใจในความเป็นธรรมและทักษะของพลังที่ปราศจาการต่อสู้ ทางทหารและสงคราม
"เมื่อเราปรากฏตัวขึ้นเราอาจเป็นนักฆ่า,แต่เรายังเป็นผู้รักษาได้อีกด้วย ต้องขอบคุณพลังสำหรับสิ่งนั้น"
―โอบี-วัน เคนโนบี
เจไดผู้รักษา (Jedi Healer) - เจไดบางคนอาจเป็นคนที่เพ่งเล็งไปในทางใจบุญมากกว่าพลัง,โดยเฉพาะ พลังฟื้นฟู ในการเพิ่มพูนความรู้อย่างเช่นพลัง,มีความรู้ที่กว้างขวางทางการแพทย์และเทคโนโลยีทางการแพทย์ เจไดผู้รักษามีจะประจำการอยู่ที่โรงพยาบาลของกลุ่มเจได(Jedi Medical Corps Infirmary),แต่อาจทำหน้าที่ในสนามรบก็เป็นได้ เช่น,ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของสงครามโคลน,เจไดผู้รักษาจะประจำการอยู่บนยานพยาบาล(MedStar-class frigate)และ,บางครั้ง,ยานพาหนะศัลยแพทย์(Republic Mobile Surgical Unit)ของสาธารณรัฐ ("ริมซูส")(Rimsoos) การเยียวยา
"ในสถานที่มืดมิดเราก็พบ… ความรู้นั้นอาจสร้างแสงสว่างนำทางให้เราได้"
―โยดา
เจไดบางคนอาจเชี่ยวชาญในเรื่องเก่าๆ,เช่นในประวัติสาสตร์ของกาแลคซี่,พลัง,และนิกายเจได,สร้างความรู้ที่หาค่ามิได้
นักโบราณคดีเจได (Jedi archaeologist) - เจไดผู้ที่มีความสามารถในการเรียนรู้ประวัติศาสตร์จากการขุดค้นทางโบราณคดี,เจไดโบราณคดีมักจะมีสมาชิกที่มาจากคณะสำรวจ(ExplorCorps)และสนับสุนให้การสำรวจมีหลากหลายแนวทาง
นักประวัติศาสตร์เจได (Jedi historian) - เจไดผู้ที่มีความสามารถในด้านการรายงานเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของกาแลคซี่และนิกายเจได,นักประวัติศาสตร์เจไดรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับนิกายเจไดอย่างละเอียด
บรรณารักษ์เจได (Jedi librarian) - เจไดผู้ที่มีความสามารถในด้านการดูแลฐานข้อมูลของความรู้,บรรณารักษ์เจไดมีหน้าที่อย่างสำคัญในหอสมุดเจได(Jedi library),เช่นมหาหอสมุดเจได(Great Jedi Library)โบราณ,หอสมุดแห่งกลุ่มเจได(Jedi Enclave)บนแดนทูอีน(Dantooine),หรือเอกสารของเจได(Jedi Archives)
นักธรณีวิทยาเจได (Jedi geologist) - เจไดผู้ที่มีความสามารถในด้านธรณีวิทยา
เจไดเกี่ยวกับกงสุล (Jedi Consular)/นักปราชญ์ - อาจารย์เจไดผู้อุทิศตนให้กับเรื่องที่ลึกลับในพลัง,กงสุล(นักปราชญ์ในขั้นปรมาจารย์)จะมีการมองทะลุในธรรมะของพลังและมีทักษะสูงในการใช้พลังที่หลากหลาย การติดต่อและการทูต
"ท่านถูกจับแล้ว"
―เมซ วินดูบอกกับสมุหนายกพัลพาทีน
นิกายเจไดยังมีส่วนในการตอบโต้กับอาชญากรรมอีกด้วย พวกเขาอาจเป็นเจ้าหน้าที่ทั่วไปของกาแลคซี,แต่ยังมีกลุ่มของเจไดที่ทำหน้าที่สืบสวนในอาชญากรรมนั้นๆอีกด้วย,การสืบสวน,การแก้ปัญหา,และการป้องกัน
เจไดผู้สืบสวน (Jedi investigator) – เจไดพิเศษที่จะถูกแต่งตั้งโดยสภาเพื่อทำหน้าที่เปิดโปงสิ่งที่ซ่อนอยู่และเปิดเผยภัยที่ซ่อนเร้นต่อกาแลคซี่ เช่น การรวมตัวของกลุ่มอาชญากรรมที่มีอำนาจ,การโกงกินและการคิดกบฎต่อสาธารณรัฐและภัยอื่นๆที่ยังอยู่ในเงามืด เจไดผู้สืบสวนมักจะทำงานคนเดียวและปลอมตัวเพื่อแทรกซึมกลุ่มองค์กรที่น่าสงสัยหรืออาจทำงานยุ่งเกี่ยวกับการสืบสวนการเคลื่อนไหวที่เหมือนเป็นอาชญากรรม
เจไดผู้เฝ้ายาม (Jedi Sentinel) – เจไดผู้เฝ้ายามเป็นความสมบูรณ์แบบระหว่างเจไดผู้พิทักษ์กับเจไดกงสุล, มีการควบคุมใช้ทักษะที่ยอดเยี่ยมในการต่อสู้และความรู้ในพลัง เจไดประเภทนี้ทำหน้าที่คล้ายทั้งเจไดผู้สืบสวนและเจไดผู้ติดตาม,ค้นหารากและทำลายทั้งอาชญากรรมและด้านมืด ในอีกทาง,เจไดผู้เฝ้ายามยังมีทักษะในสาขาต่างๆอีกมาก
เจไดผู้ติดตาม (Jedi Shadow) – เจไดผู้ที่มีหน้าที่ในการตามหาและทำลายสํญญาณในการมาของด้านมืดของพลัง,เจไดผู้ติดตามคืออาวุธหลักของนิกายเจไดที่จะทำการต่อสู้กับด้านมืดจนกระทั่งสู่สงครามโคลน
2007年9月26日水曜日
วิกิพีเดียยังไม่มีบทความที่ตรงกับชื่อนี้
เริ่มบทความ คณะเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม มห
ค้นหา คณะเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม มห ในบทความอื่น ๆ
ดูบทความที่กล่าวถึง คณะเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม มห
ถ้าคุณสร้างหน้านี้แล้วเมื่อไม่นานมานี้แต่มันยังไม่ปรากฏขึ้น เป็นไปได้ที่จะมีการล่าช้าในปรับปรุงฐานข้อมูล ลองล้างข้อมูลเก่าในเครื่อง หรือกรุณารอสักครู่และตรวจดูอีกครั้งก่อนที่ท่านจะลองสร้างหน้าใหม่
ถ้าคุณสร้างบทความชื่อเรื่องนี้ก่อนหน้านี้ มันอาจจะถูกลบไปแล้ว ดู ปูมการลบ และทำไมหน้าถึงโดนลบ
ถ้าต้องการถามคำถามเกี่ยวกับ คณะเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม มห ให้ลองถามที่ ปุจฉา-วิสัชนา
2007年9月25日火曜日
2007年9月24日月曜日
ยางลบ (อเมริกัน: eraser บริติช: rubber) คือเครื่องเขียนชนิดหนึ่ง ใช้สำหรับลบรอยดินสอหรือปากกาที่เขียนบนวัสดุอย่างหนึ่งเช่นกระดาษ โดยใช้ยางลบถูไปมาจนรอยเขียนหายไป และดินสอส่วนมากมักจะมียางลบติดมาด้วยเพื่อใช้ควบคู่กัน ยางลบนั้นทำมาจากยางเป็นหลัก ส่วนมากจะพบเป็นสีขาว แต่ก็สามารถผลิตให้เป็นสีอื่นๆ ได้แล้วแต่ส่วนผสมของวัสดุ แต่สำหรับยางลบที่ใช้งานเฉพาะทางก็อาจผลิตด้วยไวนิล พลาสติก หรือยางธรรมชาติอื่นๆ ก็ได้
2007年9月23日日曜日
มลรัฐเมน (Maine) เป็นรัฐที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกสุดของสหรัฐอเมริกา และตั้งอยู่ในเขตนิวอิงแลนด์ ชื่อของรัฐตั้งมาจากชื่อจังหวัดหนึ่งในฝรั่งเศสในชื่อเดียวกัน รัฐเมนมีประชากร 1,274,923 คน (สัมมโนปี พ.ศ. 2543) รัฐเมนมีชื่อเสียงในด้านของสภาพภูมิประเทศที่เป็นป่าสวยงาม และสถานพักผ่อนหย่อนใจ นอกจากนี้อุณหภูมิของอากาศมีการแตกต่างกันมากในช่วงฤดูหนาว จะต่ำลงจนถึงประมาณ -25° เซลเซียส และในหน้าร้อนจะอยู่ประมาณ 30° เซลเซียส
2007年9月22日土曜日
'รงค์ วงษ์สวรรค์ เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2538 เกิดเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2475 ที่จังหวัดชัยนาท เป็น นักเขียนที่มีผลงานหลายอย่าง เช่น คอลัมน์ในนิตยสารและหนังสือพิมพ์ เรื่องสั้น นวนิยาย สารคดี บทภาพยนตร์ เอกลักษณ์ของงานเขียนคือการใช้ภาษา ซึ่งใช้คำยุคเก่า แต่สื่อถึงเรื่องราวที่ทันสมัย นามปากกา 'รงค์ วงษ์สวรรค์ ย่อมาจากชื่อจริง คือ ณรงค์ วงษ์สวรรค์
2007年9月21日金曜日
2007年8月17日金曜日
Madeleine: sangue non era suo, forse uccisa sera in cui sparì
LONDRA - Nuove prove, agenti che sarebbero sulle tracce di nuovi sospetti e ipotesi che indicano che Madeleine potrebbe essere morta la notte stessa in cui sparì dall'appartamento di Praia da Luz, in Portogallo: la vicenda della piccola inglese svanita nel nulla da un appartamento mentre i genitori cenavano a un ristorante a pochi metri di distanza è più densa che mai di voci e di 'rivelazioni'.
Quel che è invece ormai accertato è che le tracce di sangue trovate nella stanza dove Madeleine McCann dormiva la sera del 3 maggio scorso non appartengono alla bimba ma ad un uomo. E' quanto è emerso dai test effettuati, rivela oggi il quotidiano inglese 'The Times', che sottolinea inoltre come la scoperta ravvivi le speranze nei genitori che Maddie non sia morta.
Intanto la polizia portoghese insiste sulla possibilità che Maddie, ormai scomparsa da 105 giorni, sia morta. "La possibilità che Madeleine sia morta è quella a cui stiamo prestando maggiore attenzione. Tuttavia nessuna altra ipotesi è stata del tutto scartata", ha detto l'ispettore portoghese Olegario Sousa. Questo verrebbe corroborato dal fatto che uno dei cani specializzati portati da investigatori britannici avrebbe segnalato l'odore di un cadavere nell'appartamento.
Secondo l' 'Evening Standard', la polizia scientifica britannica, che aiuta quella portoghese, sta passando in rassegna una gran mole di tracce raccolte in queste ultimissime settimane, comprese quelle prelevate da una spiaggia dove si teme Madeleine possa essere stata gettata in mare. La stampa portoghese, dal canto suo, afferma che la polizia starebbe per mettere sotto torchio "nuovi sospetti" che sarebbero stati identificati negli ultimi giorni proprio grazie alle prove raccolte dai colleghi britannici. Un'affermazione che fa sì che il tabloid 'Daily Express' si sbilanci oggi con il titolo in prima: "La polizia: sappiamo chi l'ha uccisa".
Quel che è invece ormai accertato è che le tracce di sangue trovate nella stanza dove Madeleine McCann dormiva la sera del 3 maggio scorso non appartengono alla bimba ma ad un uomo. E' quanto è emerso dai test effettuati, rivela oggi il quotidiano inglese 'The Times', che sottolinea inoltre come la scoperta ravvivi le speranze nei genitori che Maddie non sia morta.
Intanto la polizia portoghese insiste sulla possibilità che Maddie, ormai scomparsa da 105 giorni, sia morta. "La possibilità che Madeleine sia morta è quella a cui stiamo prestando maggiore attenzione. Tuttavia nessuna altra ipotesi è stata del tutto scartata", ha detto l'ispettore portoghese Olegario Sousa. Questo verrebbe corroborato dal fatto che uno dei cani specializzati portati da investigatori britannici avrebbe segnalato l'odore di un cadavere nell'appartamento.
Secondo l' 'Evening Standard', la polizia scientifica britannica, che aiuta quella portoghese, sta passando in rassegna una gran mole di tracce raccolte in queste ultimissime settimane, comprese quelle prelevate da una spiaggia dove si teme Madeleine possa essere stata gettata in mare. La stampa portoghese, dal canto suo, afferma che la polizia starebbe per mettere sotto torchio "nuovi sospetti" che sarebbero stati identificati negli ultimi giorni proprio grazie alle prove raccolte dai colleghi britannici. Un'affermazione che fa sì che il tabloid 'Daily Express' si sbilanci oggi con il titolo in prima: "La polizia: sappiamo chi l'ha uccisa".
2007年8月15日水曜日
मनमोहन के बयान पर अमेरिका ने साधी चुप्पी
वाशिंगटन। अमेरिकी विदेश मंत्रालय के प्रवक्ता सीन मैकार्मेक ने 123 परमाणु समझौते पर प्रधानमंत्री मनमोहन सिंह द्वारा सोमवार को लोकसभा में दिए गए बयान पर फिलहाल किसी टिप्पणी से इनकार किया है। सिंह ने सोमवार को लोकसभा में कहा था कि भारत के पास परमाणु परीक्षण करने का विकल्प खुला है। जब मैकार्मेक से इस संबंध में पूछा गया तो उन्होंने कुछ भी कहने से इनकार कर दिया। उन्होंने कहा कि मैंने अभी भारतीय प्रधानमंत्री का बयान नहीं देखा ...
2007年7月31日火曜日
Bush, Brown hit it off well
CAMP DAVID - British Prime Minister Gordon Brown is regarded as a somber figure in his home country, in contrast to his predecessor, the energetic Tony Blair.
But after spending four hours alone with the new British leader during dinner Sunday and a long breakfast yesterday, President Bush declared that conventional wisdom about Brown is distorted, and he said the relationship between the U.S. and Great Britain was as strong as ever, despite a change in leadership.
"He's not the dour Scotsman that you describe him, or the awkward Scotsman. He's actually the humorous Scotsman," Bush said during an outdoor news conference after his first face-to-face meetings with the British leader since he took office. "He's a problem-solver. ... He's a glass-half-full man."
By David Nitkin | Sun Reporter
But after spending four hours alone with the new British leader during dinner Sunday and a long breakfast yesterday, President Bush declared that conventional wisdom about Brown is distorted, and he said the relationship between the U.S. and Great Britain was as strong as ever, despite a change in leadership.
"He's not the dour Scotsman that you describe him, or the awkward Scotsman. He's actually the humorous Scotsman," Bush said during an outdoor news conference after his first face-to-face meetings with the British leader since he took office. "He's a problem-solver. ... He's a glass-half-full man."
By David Nitkin | Sun Reporter
登録:
投稿 (Atom)